วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ขนมไทย ขนมเทศ








ขนมไทย ขนมเทศ
ทำเองได้สไตท์ ชิว ชิว
KANOM




ไอศครีมชาเขียวในน้ำเต้าหู้



ไอศครีมชาเขียวในน้ำเต้าหู้ ทรงเครื่องแบบญี่ปุ่น ไปกินอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง สั่งขนมถ้วยนี้มา กินแล้วติดใจ ทำเองได้ไม่ยาก อร่อยมากๆๆ
สิ่งที่ต้องเตรียม ประกอบด้วย
ไอศครีมชาเขียวหรือไอศครีมน้ำเต้าหู้, น้ำเต้าหู้ (นมถั่วเหลืองแบบกล่อง) ,ดังโหงะ (ชื่อเต็ม คือ ชิระทะมะ ดังโหงะ), วุ้นชาเขียว ,ถั่วแดงกวน
-ชิระทะมะ ดังโหงะ (Shiratama Dango ) หรือชิโระทะมะ ดังโหงะมันเหมือนขนมบัวลอยบ้านเรา แต่บัวลอยญี่ปุ่นปั้นลูกใหญ่กว่า
ส่วนผสม แป้งข้าวเหนียว 50 กรัม น้ำเปล่าประมาณ 60 กรัม ผงชาเขียว
วิธีทำ
1.ค่อยผสมน้ำลงในแป้งข้าวเหนียว สัก 2/3 อย่าใส่ทีเดียวหมด นวดให้เข้ากัน ถ้าแป้งยังร่วนๆให้เติมน้ำลงไปอีก จนแป้งรวมตัวเป็นก้อน เนื้อเนียน ไม่ติดมือ ถ้าปั้นแล้วแตกให้เติมน้ำอีกนิด ทำเป็นสีชาเขียว ให้ละลายชาเขียวกับน้ำก่อน แล้วจึงมาผสมกับแป้งกับน้ำแครอท
2.ปั้นเป็นลูก แล้วนำไปต้มในน้ำเดือด พอสุก แป้งจะลอยขึ้นมา ต้มต่ออีกนิด ให้สุกทั่ว
3.ช้อนขึ้น ใส่ในอ่างน้ำเย็นจัด(ผสมน้ำแข็ง)4.แช่ไว้สักพัก ให้แป้งหายร้อนก็ใช้ได้ อย่าแช่นาน มันจะบวมอืด ไม่อร่อยค้า วุ้นชาเขียว
วิธีทำ น้ำชาเขียว
+ชงชาเขียวกับน้ำร้อน ตามสัดส่วนที่กำหนดข้างซองชาเขียว หรือชงอ่อน แก่ตามชอบ
++ใส่ผงวุ้นลงไป ปริมาณให้เทียบตามสัดส่วนของวุ้นแต่ละยี่ห้อ และตามความชอบว่าชอบให้นิ่ม หรือแข็งนิดหน่อย
+++แช่ให้ผงวุ้นดูดน้ำให้อิ่มตัว
++++ตั้งไฟอ่อน ๆ จนร้อนเกือบเดือด คนจนผงวุ้นละลายดี ยกลงพักให้หายร้อน และเซ็ตตัวแข็ง
ปล. ถ้าทำแล้วแข็งไปหรือนิ่มเละไป เอามาตั้งไฟใหม่ แล้วผสมปรับเพิ่ม สำหรับส่วนผสมที่ทำตามรูปนี้ วุ้นแข็งนิดๆ ใช้น้ำ150 กรัม ผงชาเขียว 1 กรัม ผงวุ้น3-4 กรัม




วิธีทำเค้กวุ้น

เค้กวุ้น
สูตรหน้าวุ้น
น้ำ 2 ถ้วย, น้ำตาลทราย 1 ถ้วย ,วุ่นผง 3/4 ช้อนชา ,เจลาตินผง 1/2 ช้อนชา, ไข่ขาว 1 ฟอง ผลไม้ ตามชอบ ส้มแมนดาริน แก้วมังกร กีวี่ หรือผลไม้รวมกระป่อง
วิธีทำ หลังจากที่ทำเค้กเสร็จแล้ว
1 ก้อน ประมาณ
2 ปอนด์ (ป้าแดงใช้สูตรของคุณปูขาเก เพียงครึ่งสูตรค่ะ) พักไว้ให้เย็นนำพิมพ์ขนมเค้กขนาด 2 ปอนด์ มาเตรียม วงผลไม้แบบนี้ค่ะ แก้วมังกร แล้วแต่สดวกนะคะว่าจะหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม หรือจะตักให้กลม ตามใจคนทำค่ะ เสร็จแล้วพักไว้ก่อน น้ำ วุ้น และน้ำตาล อย่าลืมเจลาตินผงด้วยนะคะ ตั้งไปให้เดือด
3.เตรียมแก้วตวงมาวางเลยค่ะ เทวุ้นลงในแก้วตวงให้ได้ 1 1/2 ถ้วย ถ้าต้องการกลิ่น ให้ใส่กลิ่นสิ้มลงไปเล็กน้อย แต่งสีส้ม ติดปลายช้อน เพื่อความสวยงาม คนผสมให้เข้ากัน
4.จากนั้นค่อยๆเทวุ้นลงในพิมพ์ที่เรียงผลไม้ไว้แล้ว ค่อยๆรินลงไปนะคะ ถ้าเทแรงผลไม้ที่จัดไว้จะเคลื่อนที่ผิดทิศทางค่ะ
5.คราวนี้เรามาจัดการกับวุ้นที่เหลืออยู่ในหม้อ ดูสิคะแข็งไปแล้วมั้ง ถ้างั้นเปิดไฟอ่อนๆคๆให้วุ้นละลายและให้เดือดอีกครั้ง แล้วยกวุ้นที่กำลังเดือดๆเทลงในไข่ขาวที่ตีเอาไว้ พร้อมๆกับตีไข่ขาวไปด้วยอีกครั้งแบบนี้ค่ะ (ต้องให้ลุงช่วยค่ะไม่งั้นถ่ายรูปไม่ได้)
6.พอวุ้นกับไข่ขาวเข้ากันดีแล้ว รีบเทลงในพิมพ์วุ้นผลไม้ที่แข็งตัวแล้ว
7.จากนั้น นำเค้กที่เตรียมไว้แล้วมาวางบนไข่ขาว กดเบาๆ ถ้าต้องการให้ไข่ขาวขึ้นมารอบๆก็ให้วางมือแรงหน่อยค่ะ
8.จากนั้นนำเข้าตู้เย็นสักพัก(20-30 นาที) เพื่อให้วุ้นและเค้กจับตัวแข็ง แล้วนำออกมาจากตู้เย็น เพื่อให้ขนมหลุดออกมาง่ายๆ ก็ใช้พายยางช่วยแซะขอบๆโดยรอบอย่างเบามือ ป้าแดงใช้จานแบนใบใหญ่ครอบพิมพ์เลยค่ะ แล้วจับคว่ำลงกลับด้าน เคาะๆแป๊บเดียวขนมก็หลุดออกมาจากพิมพ์

วิธีทำเค้กม้วนไส้ผลไม้


เค้กม้วนไส้ผลไม้
สูตรสำหรับถาด ขนาด 30 * 30 ซม.
ไข่ 3 ฟอง ,น้ำตาลป่น 90 กรัม ,กลิ่นวานิลา 1/2 -1 ชช. ,แป้งเค็ก 40 กรัม ,แป้งข้าวโพด 20 กรัม, เนยละลาย 20 กรัม ทิ้งให้อุ่น ,น้ำมันสลัดหรือน้ำมันพืช 20 กรัม ,ครีมทาหน้า วิปปิ้งครีม 150 กรัม ,น้ำตาลป่น15 กรัม
ผลไม้ตามชอบ เช่น สตรอแบรี่ กีวี เมล่อน แก้วมังกร มะละกอสุก ฯลฯ ดิฉันว่าผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย จะอร่อยกว่าที่หวานจัด อาจใช้ผลไม้กระป๋อง ฟรุตสลัด แทนผลไม้สดก็ได้ แต่ต้องเอาน้ำเชื่อมออกให้หมด ซับให้แห้ง หน่อยก็ดี และต้องลดน้ำตาลในส่วนของครีมวิปปิ้งที่ใช้ทาหน้าเค็ก
เตรียมส่วนผสมให้พร้อม ปูกระดาษไข รองก้นถาดไว้ ร่อนแป้งสองอย่างผสมกัน 2 ครั้ง เปิดเตาอบเตรียมไว้ ไฟ 180 C ควรเปิดเตาอบไว้ก่อน เพราะใช้เวลาตีไม่นาน ประมาณไม่เกิน 5 - 10 นาที ละลายเนยแล้วผสมกับน้ำมันสลัด ให้แค่อุ่น ๆอย่าให้ร้อน แล้วลงมือตามขั้นตอนต่อไป
วิธีทำ ตัวเค็ก
• ตีไข่กับน้ำตาล โดยค่อย ๆใส่น้ำตาลทีละน้อย
• ตีจนกระทั่งขึ้น เป็นสีนวลขาว เมื่อยกตระกร้อแป้งจะตั้งยอดอยู่ได้ หรือกรีดพายยางลงไป รอยแยกจะค้างอยู่ แป้งไม่ไหลมารวมกัน
• ใส่แป้งลงไปครึ่งหนึ่ง ตะล่อมแป้งข้างล่างขึ้นบน
• ต้องทำเบามือ ผสมให้พอเข้ากัน
• ใส่แป้งที่เหลือ ผสมพอแป้งพอเข้ากันแล้วตักแบ่ง ออกมาสัก1/2 ถ.ใส่อ่างที่ 2 เทเนยละลายและน้ำมันสลัด(หรือน้ำมันพืช )ลงไปใน อ่างที่ 2 ผสมด้วยตะกร้อมือ จนเข้ากัน
• เทส่วนผสมนี้กลับลงไปในอ่างแป้งใบแรก
• ผสมเบา ๆให้จนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
• เทใส่ถาดที่ปูด้วยกระดาษไข ไม่ต้องทาไขมัน
• อบไฟ 200 C ประมาณ10 นาที โดยวางถาดให้ค่อนไปด้านบนบน หรือที่แร็กที่ 2 ลงมา จากข้างบน ถ้าใช้เตาอบแบบมีไฟบนด้วย จะอบหน้าเค้กได้แห้งดี กว่า ถ้าไฟบนร้อนเกินไป หน้าเค้กจะพองขึ้นมามาก ควรลอกหน้าออกแล้วม้วนจะดูสวยกว่าค่ะ
• พอเค้กสุกเอาออกจากเตา พักบนตะแกรงสักครู่พอให้คลายร้อน จะลอกหน้าออกหรือจะไม่ลอกก็ได้
• คว่ำบนกระดาษไขอีกแผ่น แล้วลอกค่อย ๆกระดาษไขที่ก้นออก ตามตำราว่างั้นนะคะ
ถ้าครีมไม่เย็นพอ มักจะตีไม่ขึ้น ควรแช่ครีมให้เย็นจัดๆ แช่ไปทั้งพาชนะที่ใส่ครีม และหัวตะกร้อด้วยก็ดีค่ะ ถ้าตีแล้วดูท่าไม่ดี เอากลับไปแช่ให้เย็นก่อน แล้วค่อยเอาออกมาตีใหม่นะคะ ตีครีมกับน้ำตาลป่น ให้ขึ้นฟูตามรูปเลยค่ะ เมื่อขึ้นแล้วให้หยุด หากตีต่อไป ครีมจะแยกตัวเป็นน้ำกับไขมัน แบบเดียวกับที่เขาเอานมมาปั่นทำเป็นเนย
*ทาด้วยวิปปิ้งครีมให้ทั่วทั้งแผ่น
*วางผลไม้ที่ชอบลงไปถ้าใส่ผลไม้น้อยให้วางที่ใกล้ขอบ หากใส่ผลไม้เยอะให้วางเลยเข้ามาข้างในจะม้วนได้ง่าย หรือจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ วางกระจายให้ทั่วทั้งแผ่นก็ได้
• จับขอบเค็กเข้ามาด้านใน แล้วม้วนเค้กเข้ามาจนสุด ตอนม้วนใช้กระดาษไขที่รองอยู่คอยประคองและบังคับตัวเค็ก ดูจากรูปจะเห็นว่า มือซ้ายดึงกระดาษไปข้างหน้า และจริงๆแล้วมืออีกข้าง จะจับที่ตัวเค้กกดเบาๆให้ม้วนได้กระชับ แต่ในรูปมืออีกข้างต้องถ่ายรูป
• ม้วนแน่นพอกระชับ ห่อด้วยกระดาษที่รองอยู่ ตอนนี้อาจจะดูไม่ค่อยสวยนัก
• เอาไปแช่เย็น ประมาณ 30 นาที หรือนานกว่านั้น พอเย็นแล้วตัวเค้กจะกระชับ สวยขึ้นกว่าตอนแรก

วิธีทำคัสตาร์ดครีม

คัสตาร์ดครีม
ส่วนประกอบ
- แป้งสาลี (แป้งเค้ก) .............. 10 g.
- แป้งข้าวโพด ....................... 10 g.
- น้ำตาลทราย (อย่างละเอียด) ..... 50 g.
- นม ...................................... 150 cc
- ไข่ไก่ (เอาเฉพาะไข่แดง) ..1 ลูก (ไข่ขนาด กลาง )
- เนย ..................................... 10 g.
- กลิ่นวนิลา ....................... นิดหน่อย
- เหล้าบรั่นดี ............................ 5 cc.
วิธีทำ
1. ผสมน้ำตาล , แป้งสาลี , แป้งข้าวโพด เข้าด้วยกันใน ชาม ภาชนะทนความร้อน
2. ผสม นม กับ ไข่แดง แล้วตีให้เข้ากัน จากนั้นนำมาเทใส่รวมผสมกันในชามแป้ง คนให้เหลวเป็นเนื้อเดียวกัน
3. นำชามที่ใส่ของผสมนี้ ไปอุ่นในเตาไมโครเวฟ เซ็ตระดับความร้อนไว้ 500 W อุ่นประมาณ 3 -4 นาที โดยไม่ต้องปิดฝาชาม ..โดยที่ ทุกๆ 1 นาที ต้องนำชามออกมาคนๆด้วยตระกร้อตีไข่ให้เนื้อครีมได้รับความร้อนทั่วกัน
4. ให้นำครีมคัสตาร์ด ออกมาคนๆ ทุกๆ 1 นาที ในแต่ละครั้งใช้เวลาคนประมาณ 2-3 นาทีด้วยตระกร้อตีไข่ (ทำแบบนี้ ซ้ำกัน ประมาณ 2-3 ครั้ง ) ...จนกระทั่งครบเวลาที่เซ็ตไว้ ค่อยเอาชามออกมาตั้งข้างนอก
5. ระหว่างที่ครีมยังร้อนอยู่ ให้ใส่เนยลงไปคนผสมกับคัสตาร์ดด้วย คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
6. เมื่อครีมคัสตาร์ด เริ่มคลายความร้อนลง (กะว่า เนื้อครีมอุ่นพอๆกับเนื้อคน ) ก็เติมกลิ่นวนิลา ลงไปผสมให้เข้ากัน

วิธีทำขนมเผือกนึ่ง


ขนมเผือกนึ่งและฟักทองนึ่ง
ขนมเผือกนึ่งและขนมฟักทองนึ่ง นอกจากจะใช้หัวผักกาด(ไชเท้า)มาทำขนมหัวผักกาดตามสูตรที่ได้โพสต์ไปแล้ว คนจีนเขาเอาเผือกและ ฟักทอง มาทำเป็นขนมนึ่งใน ตระกูลติ่มซ่ำเช่นกัน
ขนมเผือกนึ่ง ส่วนผสม (ขนาด 8 x 8 นิ้ว 1 ถาด)
-เผือก 330 กรัม
-กุ้งแห้งแช่น้ำสับหยาบ 25 กรัม
-เห็ดหอมแช่น้ำสับหยาบ 3 ดอก
-กุนเชียง 2 เส้น
-น้ำมัน 2 ชต.
-กระเทียมสับ 1 ชต.
-หอมแดงสับ 1 หัว
-ผงพะโล้ 1/2 ชช.พูน
-พริกไทย 1/2 ชช. เกลือ 1/2 ชช.
-น้ำตาล 2 ชช.
-ผงซุปไก่ 1/2 ชช.
-น้ำมันงา 1/2 ชช.
-แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
-แป้งตั้งหมิ่น 50 กรัม (หรือแป้งข้าวโพด/แป้งมัน)
-น้ำ 500 cc. และ375 cc.
สำหรับแต่งโรยหน้า หอมแดงเจียว ต้นหอมซอยละเอียด ผักชีสับ พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้นฝอย
วิธีทำ
1.หั่นเผือกเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ กุนเชียงและเห็ดหอมหั่นชิ้นเล็กๆ กุ้งแห้งสับหยาบๆ
2.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเจียวหอมแดงและกระเทียมสับให้หอม ใส่กุ้งแห้ง เห็ดหอม กุนเชียงผัดต่อให้หอม
3.ใส่เครื่องปรุงรสและน้ำมันงา แล้วใส่เผือกผัดให้เข้ากัน เสร็จแล้วพักไว้
4.ตั้งน้ำ 500 cc .ให้เดือด ยกลง 5.ผสมแป้งทั้งหมดกับน้ำ 375 cc. แล้วเทใส่ในส่วนของน้ำเดือดข้อ
5. คนให้เข้ากัน
6. เทเผือกที่ผัดไว้ลงไป คนให้เข้ากันแล้วเทใส่พิมพ์ที่ทาน้ำมัน
7. นึ่งไฟแรงประมาณ 30 นาที แล้วแต่ความหนา หรือใช้ไม้จิ้มตรงกลาง ไม่มีแป้งเหลวติดไม้ก็สุกใช้ได้แล้ว 8.พักให้หายร้อน ตัดเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ แต่งหน้าด้วยส่วนสำหรับโรยแต่งหน้า
ส่วนผสม น้ำจิ้มซอสพริก
-พริกชี้ฟ้าแดง10 เม็ดตำละเอียด
-ซอสมะเขือเทศ(Ketchup)2 ชต.
-น้ำตาล 1 ชต. เกลือ 1/2 -1 ชช.
-น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู 2 ชต.

วิธีทำขนมเข่งปลาทอง

ขนมเข่งปลาทอง
สูตรฮ่องกง เนื้อเหนียว นุ่ม เคยกินขนมเข่งที่ใช้แป้งข้าวเหนียวอย่างเดียวมาแล้ว ลองสูตรนี้ดูค่ะ สมาชิกในครอบครัวบอกว่า หอเจี๊ย แปลว่าอร่อย อิอิ หวังว่าจะพูดถูก ส่วนผสม สำหรับพิมพ์ปลา ขนาดยาว 38 ซม. กว้างสุด 10 ซม.(ขนาดของพิมพ์คุยกันอยากเพราะตัวมันงอๆ เลยลองเอาน้ำใส่ ชั่งได้ 380 กรัม) แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม แป้งตั้งหมิ่น 50 กรัม แป้งข้าวเจ้า 13 กรัม น้ำตาลทราย 80-90 กรัม น้ำกระทิ 200 กรัม น้ำ 75 กรัม น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์ 1-2 ชช. ลูกเกตุสำหรับทำลูกตา
วิธีทำ
1. ผสมแป้งทั้งหมดเข้าด้วยกัน
2.ใส่น้ำตาลทรายลงไปในอ่างแป้ง แล้วเติมน้ำลงไป นวดให้น้ำตาลละลาย พักแป้งไว้ 15 -20 นาที ถ้าใช้น้ำตาลทราย ขนมเข่งจะออกมาสีขาว ถ้าใช้น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลปึก ขนมเข่งออกมาเป็นสีน้ำตาลและมีกลิ่นหอม ที่ทำใช้น้ำตาลทราย+น้ำตาลมะพร้าวอย่างดีอย่างละครึ่ง ผสมกัน
3. ใส่น้ำกระทิลงไป คนให้เข้ากัน แป้งจะเหลวๆ
4.แบ่งแป้งออกมาประมาณ 1/3 - 1/2 ถ้วย ผสมด้วยสีส้ม
5.ทาพิมพ์ด้วยน้ำมันพืชให้ทั่วๆ ตักแป้งสีส้มหยอดใส่พิมพ์ ตรงส่วนที่เป็น ปาก ครีบ และเกล็ดตามลำตัวเป็นแห่งๆ นำไปนึ่งไฟแรง 3 นาที
6.นำออกมาหยอดทับด้วยแป้งสีขาว จนถึงส่วนของครีบหลัง แล้วนึ่งต่อด้วยไฟแรง10-15นาที กะเวลาดูตามความหนาของแป้ง เอาสีส้มหยอดส่วนครีบหลัง นึ่งให้สุก หยอดแป้งสีขาวจนเต็มพิมพ์นึ่งต่อประมาณ 30 -40 นาที หรือจนสุก การนึ่งแต่ละขั้น ให้กะเอา จากความหนาของแป้งที่เท ทดสอบโดยใช้ไม้จิ้มดู ไม่มีแป้งเหลวๆติดไม้แสดงว่าใช้ได้แล้ว 7.นำออกมาพักทิ้งไว้ จนเย็นสนิท ใช้ไม้จิ้มฟันค่อยๆแคะ เลาะไปตามขอบให้แป้งหลุดจากพิมพ์ ดึงตรงส่วนหัวออกมาก่อน คว่ำพิมพ์ใช้มือรองลำตัวปลาไว้ แล้วค่อยๆดึงช่วงหางออกจากพิมพ์ ตอนที่เอาออกจากพิมพ์ ให้ระวังส่วนที่เป็นสีส้ม บางทีมันจะติดพิมพ์ ใช้ไม้จิ้มฟันเขี่ยให้หลุด 8.ติดลูกเกตุเป็นตา พิมพ์ปลาที่ใช้ เก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 2 อาทิตย์

วิธีทำขนมกลีบลำดวน

กลีบลำดวน
ส่วนผสม
-แป้งสาลี 5 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทรายเม็ดบดละเอียด 4 ถ้วยตวง
-น้ำมันหมูใหม่ หรือ น้ำมันพืช 1 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.ร่อนแป้ง 2-3 ครั้ง พักไว้ และบดน้ำตาลทรายให้ละเอียด
2.นำแป้ง และน้ำตาลเคล้าให้เข้ากัน ใส่น้ำมันทีละน้อย นวดไปผสมไปจนปั้นเป็นก้อนได้
3.ปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1/2 นิ้ว ใช้มีดปลายแหลมกรีดแบ่งเป็น 3 กลีบ นำมาจัดรูปให้งุ้มเหมือนกลีบลำดวน หยิบแป้งปั้นเม็ดเล็ก ๆ วางกลางดอกเป็นเกสร ทาน้ำมันที่ถาดอบ เรียงขนมใส่ อบไฟกลางประมาณ 15-20 นาที สุกแล้วพักไว้ให้คลายร้อนเก็บใส่ขวดโหล หมายเหตุ ก่อนนำขนมบรรจุในขวดโหล เรียงใส่ภาชนะโตพอควรและมีฝาปิด เพื่ออบควันเทียนให้ขนมมีกลิ่นหอม

วิธีทำขนมถ้วยฟู

ขนมถ้วยฟู
ส่วนผสม
-แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
-น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
-น้ำลอยดอกไม้ 1/2 ถ้วยตวง
-ยีสต์ 1 ช้อนชา
-ผงฟู 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1.ใส่ยีสต์ลงไปในแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่น้ำลอดอกไม้ทีละน้อน นวดจนแป้งนิ่มเนียน
2.ใส่น้ำตาลและน้ำทั้งหมดลงในแป้ง ใส่ผงฟู นวดต่อไป ปิฝาครอบไว้ 1-2 ชั่วโมง
3.เรียงถ้วยตะไลลงในรังถึงนึ่งในน้ำเดือดจนถ้วยร้อนประมาณ 5 นาที
ตักขนมที่ผสมไว้ลงในถ้วยตะไลพอเต็มปิดฝานึ่งให้สุกประมาณ 10-15 นาที ยกลงพักไว้ให้เย็น แล้วจึงแกะออกจากถ้วย

วิธีทำขนมผิง

ขนมผิง
ส่วนผสม
แป้งมัน 2 1/4 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย1/2 ถ้วยตวง
ไข่แดง(ไข่ไก่) 2 ฟอง
วิธีทำ
1.หัวกะทิใส่กระทะทองตั้งไฟอ่อนๆ ใส่น้ำตาลลงในกะทิเคี่ยวจนเป็นยางมะตูมลงพักไว้สักครู่
2.ใส่ป้งมันลงในน้ำกะทิที่เคี่ยวไว้คนแรงๆเร็วๆ ให้ทั่วใส่ไข่แดงคนให้เข้ากัน แล้วนวดต่อจนนุ่ม หมักไว้ 2-3 ชั่วโมง
3.ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ วางลงบนถาดที่ทาน้ำมันไว้บางๆห่างกันประมาณ 1 นิ้วจนเต็มถาดนำไปอบที่
อุณหภูมิ 270-300 องศาฟาเรนไฮท์ประมาณ 10-20จนขนมสุก แซะออกจากถาดปล่อยไว้ให้เย็นแล้วจึงนำเก็บใส่ขวดโหล

วิธีทำข้าวต้มผัด


ข้าวต้มผัด
ส่วนผสม
ข้าวเหนียวแช่น้ำไว้แล้ว 2 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
เกลือป่น 2 ช้อนชา
กล้วยน้ำหว้าสุก 8 ลูก
ใบตองสำหรับห่อ

วิธีทำ
1.ผสมหัวกะทิ น้ำตาลทรายเกลือลงในกระทะทอง ตั้งไฟอ่อนๆ คนพอน้ำตาลละลาย เคี่ยวต่อสักครู่
ใส่ข้าวเหนียวผัดกับกะทิด้วยไฟอ่อนๆ จนกะทิแห้งยกลงจากเตา
2.ปอกกล้วยผ่าครึ่งตามยาวเตรียมไว้
3.ฉีกใบตองวางซ้อนกันวางข้าวเหนียวใส่กล้วยวางข้าวเหนียวทับอีกครั้งให้มิดกล้วย แล้วห่อให้แน่นนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 45 นาที

วิธีทำขนมกรวย

ขนมกรวย
ส่วนผสม
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปึก 3/4 ถ้วยตวง
น้ำ 1 1/2 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1.ผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งถั่วเขียวให้เข้ากันเติมน้ำทีละน้อย นวดให้เข้ากันแล้วเติมน้ำตาลปึกลงไปแล้วนวดต่อ จนน้ำตาลและแป้งเข้ากันดีแล้วเติมน้ำลงไปให้หมดคนให้เข้ากัน
2.ใส่แป้งข้าวเจ้าเกลือป่นลงไปในหัวกะทิ คนให้เข้ากัน
3.หยอดส่วนผสมข้อ 1 ลงในกรวยใบตองที่เตรียมไว้ แล้วหยอดส่วนผสมข้อ 2 ลงไปประมาณ 3/4 ของกรวย เสียบกรวยลงในรูของรังถึง โดยเว้นที่ไว้ให้มีช่องว่างให้ไอน้ำขึ้นด้วยนึ่งในน้ำเดือดให้แป้งสุกแล้วพักไว้ให้เย็นจึงจัดใส่ภาชนะ

วิธีทำทองหยิบ

ทองหยิบ
ส่วนผสม
ไข่เป็ด 10 ฟอง
น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.ผสมน้ำลอยดอกไม้ น้ำตาลทราย เคี่ยวให้เป็น้ำเชื่อม สำหรับหยอด
2.แยกไข่ขาวและไข่แดงใช้แต่ใข่แดงตีให้ขึ้นฟูจนไข่เปลี่ยนเป็นสีนวล
3.ตักไข่หยอดใส่ในน้ำเชื่อม ครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ให้ไข่เป็นแผ่น หยอดให้เต็มกระทะ รอให้ไข่สุก ตักแผ่นไข่ที่หยอดไว้ใส่ถาดใช้มือจับเป็นจีบ ตามต้องการ แล้วหยิบใส่ถ้วยตะไล รอให้เย็นแล้วจึงแคะออกจากถ้วยตะไล
หมายเหตุ
เวลาตักไข่หยอดลงในน้ำเชื่อม ต้องให้น้ำเชื่อมนิ่งเพื่อไข่ที่หยอดจะได้ไม่แตก
ถ้าใช้ไข่ไก่ผสมด้วยเนื้อขนมจะนุ่มขึ้นแต่สีที่ได้จะอ่อนลง

วิธีทำลูกชุบ

ลูกชุบ
ส่วนผสม
ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1 1/3 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
วุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1.แช่ถั่วเขียวประมาณ 1-2 ชั่วโมง นึ่งให้สุกนุ่ม แล้วบดให้ละเอียด
2.หัวกะทิตั้งไฟอ่อนๆ ใส่นำตาลทรายลงเคี่ยวให้นำตาลละลายหมด ใส่ถั่วลงกวนกับกะทิตั้งไฟอ่อนๆ กวนให้แห้งจนถั่วล่อนออกจากกระทะ
3.เทถั่วที่กวนได้ที่แล้วลงในถาดหรือชามพักไว้ให้เย็น
4.ปั้นถั่วเป็นรูปผลไม้เล็กๆ ตามต้องการ แล้วระบายสีผลไม้ที่ปั้นไว้ให้เหมือนจริงพักไว้ให้สีแห้ง
5.ผสมผงวุ้นกับน้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆ จนวุ้นละลายหมดยกลง วางพักไว้สักครู่
6.นำผลไม้ที่ระบายสีไว้ ชุบวุ้นให้ทั่ว พักไว้ให้แห้งแล้วชุบอีก 2 ครั้ง ปล่อยให้แห้งจึงนำไปตกแต่งให้สวยงาม

ประวัติขนมไทย

ประวัติขนมไทย

ขนมจัดเป็นอาหารที่คู่สำรับกับข้าวไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยใช้คำว่าสำรับกับข้าวคาว-หวาน โดยทั่วไป ประชาชนจะทำขนมเฉพาะในงานเลี้ยง นับตั้งแต่การทำบุญเลี้ยงพระ งานมงคลและงานพิธีการ อาหารหวานที่จัด เป็นสำรับจะต้องประกอบด้วย ของหวานอย่างน้อย 5 สิ่ง ซึ่งต้องเลือกให้มีรสชาติ สีสัน ชนิด ตลอดจนลักษณะที่ กลมกลืนกัน แต่ละสำรับจะต้องมีผลไม้ 10 ที่ และขนมเป็นน้ำ 1 ที่เสมอ ขนมไทย เป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้ เห็นถึงความละเอียดอ่อนประณีตในการทำ ตั้งแต่วัตถุดิบ วิธีการทำ ที่กลมกลืน พิถีพิถัน ในเรื่องรสชาติ สีสัน ความสวยงาม กลิ่นหอม รูปลักษณะชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน ขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตก ต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้น ๆ ขนมไทยที่นิยมทำกันทุก ๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่าง ๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนม จากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้น ๆ งานศิริมงคลต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นศิริมงคลของงานขนมก็จะมี ฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกัน ยืดยาวมีอายุยืน ขนมชั้น ก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น ขนมที่ใช้ในงานมงคลสมรส ถ้าเป็นงานมงคลสมรสมักจะทำขนมหวานให้ครบ 9 สิ่งขนมที่ใช้ในงานมงคลสมรสตามประเพณี ทางฝ่าย เจ้าสาวจะต้องเป็นผู้จัด และขนมที่นิยมจัด คือ 1. ฝอยทองหรือทองหยิบ 2. ขนมชั้น 3. ขนมถ้วยฟู 4. ขนมทองเอก 5. ขนมหม้อแกง 6. พุทราจีนเชื่อม 7. ข้าวเหนียวแก้ว หรือวุ้นหน้าสีต่าง ๆ 8. ขนมดอกลำดวน 9. ผลไม้ต่าง ๆ ลอยแก้ว แต่ตามความเชื่อบางอย่างของคนไทย ขนมที่มีลักษณะเป็นเส้น มักจะใช้สำหรับงานทำบุญอายุ เพราะเชื่อ ว่าจะช่วยให้มีอายุยืนยาว แต่กลับไม่ใช้จัดในงานศพ เพราะเชื่อว่าจะมีการตายต่อเนื่องไม่เป็นมงคล ความเชื่อ เหล่านี้ถือเป็นเหตุผลของแต่ละบุคคลมิได้เป็นข้อห้ามเสียทีเดียว ขนมที่ใช้ในพิธีการตั้งศาลพระภูมิ ขนมที่ใช้เป็นเครื่องสังเวยพระภูมิ คือ 1. ขนมต้มแดง 2. ขนมต้มขาว 3. ขนมเล็บมือนาง (ขนมคันหลาว) 4. ขนมดอกจอก หรือขนมทองหยิบ 5. ขนมถั่วแปบ (ขนมหูช้าง) 6. ขนมข้าวเหนียวแดง 7. ขนมประเภทบวดต่าง ๆ ขนมที่ใช้ในเทศกาลต่าง ๆ ประเพณีสงกรานต์ งานตรุษสงกรานต์ ตรงกับวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี คนไทยถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ ของไทย ขนมที่ใช้ทำได้แก่ 1. กาละแม 2. ข้าวเหนียวแดง วันเข้าพรรษา วันเข้าพรรษาตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันที่พระสงฆ์ต้องอยู่จำวัด ไม่ออกไปค้างแรม ที่อื่นเป็นระยะเวลา 3 เดือน เพราะเป็นฤดูฝน ขนมที่นิยมทำ ได้แก่ 1. ข้าวต้มผัด 2. แกงบวดต่าง ๆ ได้แก่ แกงบวดฟักทอง แกงบวดมันสำปะหลัง วันสารทไทย วันสารทไทยตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ขนมที่ใช้ทำกัน ได้แก่ ขยาสารท การทำบุญเดือนสาม เป็นเทศกาลทำบุญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเรียกว่า งานบุญข้าวจี่ เป็นการจัดอาหารมาถวายพระ ที่อยู่ ณ สถานที่ของวัด เพื่อปลงอาบัติครั้งยิ่งใหญ่ในรอบปี ขนมที่ใช้งานบุญเดือนสาม ได้แก่ 1. ขนมเทียน 2. ข้าวต้มผัด 3. ข้าวจี่ การทำบุญเดือนสิบ การทำบุญเดือนสิบ ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เป็นเทศกาลของภาคใต้ เป็นการทำบุญแผ่ส่วนกุศล ให้กับผู้ล่วงลับไปแล้ว ขนมที่ใช้ในการทำทำบุญเดือนสิบ ได้แก่ 1. ขนมลา หมายถึง เสื้อผ้าแพรพัน 2. ขนมกง หมายถึง เครื่องประดับ 3. ขนมดีซัน หมายถึง เบี้ยหรือเงินใช้สอย 4. ขนมพอง หมายถึง แพรล่องข้าม 5. ขนมสะบ้า หมายถึง สะบ้า